วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อุ่นไอรักแห่งหน้าหนาว ณ อุทยานมอหินขาว

อุ่นไอรักแห่งหน้าหนาว ณ อุทยานมอหินขาว

      มอหินขาว เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ถือว่ามีความงดงามทางธรรมชาติไม่แพ้ทุ่งดอกกระเจียวงาม ซึ่งตั้งอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา บริเวณบ้านวังคำแคน หมู่ 9 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิเดิมพื้นที่ แถวนี้ เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่ มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) แต่จากเสียงบอกเล่า มีคนเคยเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสง สีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่า มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย“เสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาว ส่วนใหญ่ เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง หากมาท่องเที่ยวในฤดูฝน นอกจากนักท่องเที่ยว จะได้ พบเห็น ประติมา้กรรมทางธรรมชาติที่สวยงามของเสาหินแล้ว ยังได้พบดอกไม้ป่าที่บ้านสะพรั่งอยู่ทั่วมอหินขาวดูแล้ว เป็นภาพที่ สวยงามและน่าชมนัก หากคุณได้เข้ามาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งป่าเขาที่นี่แล้วจะชวนคุณหลงใหลมิรู้ลืมจน”มอหินขาว” แห่งนี้เคย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ของท่านมุ้ย เรื่องพระนเรศวรมหาราช มาแล้ว นี่คืออีกหนึ่งความท้าทายของ นักแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาดได้มาพิสูจน์กัน



       มอหินขาว มีกลุ่มหินอยู่หลายแห่งด้วยกัน เมื่อเรามาถึงมอหินขาว ก็จะถึง กลุ่มหินชุดแรก คือ “เสาหิน 5 ต้น” เป็นหินที่มีความสูง ประมาณ 12 เมตร จำนวนหนึ่งใน 5 มีต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ขนาด 22 คนโอบ เสาหิน 5 ต้นนี้นับเป็น เสาหินที่เด่นที่สุด และเป็น ไฮไลต์ของการมาเที่ยวมอหินขาว


       ถัดจากกลุ่มหินชุดแรกไปเล็กน้อยจะถึงบริเวณลานกางเต็นท์ มีห้องน้ำบริการจากจุดนี้มีเส้นทางเดินไปยังกลุ่มหิน และจุดชมวิว ได้แก่ หินเจดีย์โขลงช้าง ระยะทางเดินเท้า 650 เมตร ลานหินต้นไทร 900 เมตร สวนหินล้านปี 1,250 เมตร และจุดชมวิวผาหัวนาค 2,500 เมตรซึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบลุยพักนอนกลางเต็นท์ ชม ธรรมชาติกลางป่าเขายิ่งนัก แล้วก็มาถึง หินกลุ่มที่ 2 อยู่ห่าง จากลุ่มแรกประมาณ 500 เมตร เรียกรวมกัน ว่า "ดงหิน"มีแท่งหินรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย มีรูปร่างคล้ายเจดีย์ กระดองเต่ารองเท้่าบูท และบริเวณหินกลุ่ม นี้เรายังสามารถขึ้นไปชมวิวที่กว้างไกลสุดสายตาของที่นี่ได้
กลุ่มหินโขลงช้าง
  











  
                                                                          ผาหัวนาค

        หินกลุ่มที่ 3 อยู่ห่างออกไปอีก 1,500 เมตร เป็นแท่งหินและเสาหินขนาดเล็กกระจายอยู่บนลานหินกว้างโดย ลาดเอียงขึ้นไปจดหน้าผา ที่มีชื่อว่า “ผาหัวนาค”



เสาหินหลวงปู่ฤาษี
      เสาต้นนี้ใหญ่ที่สุด มีชื่อว่า หลวงปู่ฤาษี เชื่อว่า ถ้าได้กราบไหว้ จะได้รับพรในด้านโชคลาภ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยจะหายเร็ววัน

เสาหินขุนศรีวิชัย
     เสาต้นนี้อยู่ห่างจากกลุ่ม มีชื่อว่า ขุนศรีวิชัย เชื่อว่า ถ้าได้กราบไหว้ จะได้รับพรในด้านชัยชนะ รูปร่างลักษณะเหมือนคนยืนยึดอก เงยหน้ามองฟ้า แต่ต้องมายืนมองมุมนี้นะคะถึงจะดูว่าเหมือน ถ้ามองมุมอื่นจะไม่เหมือน                       


หินต้นไทร
       พอเริ่มรู้ตัวว่าร้อนได้ที่แล้วเราก็ขึ้นรถขยับไปที่หินกลุ่มที่ 3 เรียกว่าหินต้นไทร เป็นหินก้อนใหญ่กว่ากลุ่มหินโขลงช้าง ทางเข้ามีหินด้านละก้อน



หนาวนี้ที่ผาสุดแผ่นดิน






หนาวนี้ที่ผาสุดแผ่นดิน

      :: อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม  ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพังเหยในเขต ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสระบุรี - ชัยบาดาล ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 205 เส้นทางชัยบาดาล - เทพสถิต - ชัยภูมิ ก่อนถึงอำเภอเทพสถิต จะมี ทางแยกซ้ายมือไปป่าหินงาม อีก 29 กิโลเมตร หากเดินทางเส้นทางจาก จ.นครราชสีมา ก็จะใช้เส้นทางนครราชสีมา - เพชรบูรณ์ โดยจะวิ่งผ่าน ต.หนองบัวโคก ผ่านบ.คำปิง เข้าสู่อำเภอเทพสถิต และเลี้ยวขวาบริเวณ สามแยกเพื่อจะไปในเส้นทาง เทพสถิต - ซับใหญ่ และหากท่านมาจากตัว เมืองชัยภูมิ ก็ต้องใช้เส้นทาง ระเหว - ซับใหญ่ - เทพสถิต เมื่อออกจากตัว กิ่งอ.ซับใหญ่จะถึงทางแยกขึ้นอุทยานฯ ก่อนที่จะถึง อ.เทพสถิต...  แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม  << ป่าหินงาม >> "ป่าหินงาม" หรือ (ลานหินงาม) อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ ทั่วบริวเวณเรียงรายไปด้วยหินก้อนน้อย ใหญ่ รูปร่างแปลก ๆ มากมายในพื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นลานหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะดิน และเนื้อหินทรายมานานนับลานปี วาง เรียงรายสลับซับซ้อน อยู่เต็มลานบ้างก็มีรูปรา่างเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก บ้างก็เหมือนกบเรด้า และรูปต่าง ๆ แล้วแต่จะ จินตนาการ แต่เมื่อดูแล้วชวนให้เกิดความเพลิดเพลินใจเป็นยิ่งนัก... << ทุ่งดอกกระเจียว >> "ทุ่งดอกกระเจียว" เกิด

จากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสาย พันธุ์ ที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯและจะมีอยู่บริเวณหนึ่งใช้พื้นที่หลายไร่ ที่จะมีดอกกระเจียวขึ้นอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นทุ่ง ซึ่ง เวลามองดูก็จะเห็นเป็นสีชมพูปนขาว และมีสีเขียวของลำต้ันและก้านใบเป็นสีเขียวสด ประกอบกับสีเขียว ของหญ้าทีขึ้นมาแซม ทำให้ทุ่งกระเจียว เขียวขจี สวยงามเหมือนกับทุ่งในทรวงสวรรค์เลย โดยในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายน ถึง ปลายเดือนกรกฎาคม ของทุก ๆ ปี ต้นกระเจียวจะออก ดอกสวยงามตระการตาไปทั่วผืนป่า จัดได้ว่าเป็น "นางเอกของอุทยานฯ" ก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะดอกกระเจียว จะไม่มีให้เห็นเลยนอกเสียจากในช่วงเวลาที่ว่านี่เท่านั้น... << จุดชมวิวสุดแผ่นดิน >> "สุดแผ่นดิน" อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯ เป็นแนวหน้าผาและชะง่อนหิน เป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขา พังเหย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 846 เมตร เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง (ฉานไทย) ซุกเข้าไปใต้แผ่นดิน อีสาน (อินโต - ไซน่า) ทำให้เกิดแผ่นดินที่ยกตัวสูงชัน เรียกว่า "สุดแผ่นดิน" คือเขตรอยต่อของ 3 ภาคอันได้แก่ 1. แผ่นดินซีกทางอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ชัยภูมิ (ภาคอีสาน) 2. แผ่นดินซีกทางตะวันตกของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ลพบุรี (ภาคกลาง) 3. แผ่นดินซีกทางเหนือของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.เพชรบูรณ์ (ภาคเหนือ)ซึ่งมีความสวยงาม อากาศเย็นสบาย และในตอนเช้า ๆ จะมีกลุ่มหมอกลอยผ่านหน้าเราไป เหมือนกับหยอกเย้ากับผู้มาเยือนเลย ใกล้ถึงหน้า "เทศกลาล ท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน" ประจำปีี 2554 แล้วนะครับ เหลืออีกไม่กี่วัน ที่เราจะได้ชื่นชมความสวยงามของดอกกระเจียว ซึ่งจะ็บานสะพรั่ง สวยงามจริง ๆ ครับ...ผมก็เป็นอีก คนหนึ่ง หล่ะ ที่ชื่นชม ความงามของสถานที่ท่องเที่ยว แห่งนี้ มาเป็นระยะเวลาช้านานโข ปีนี้ ถ้าฝน ฟ้า ตกต้องตามฤดูกาล ที่มันควรจะเป็น เหล่าบรรดาเจ้าดอกกระเจียวน้อย-ใหญ่ซึ่งกบดานอยู่ใต้พื้นแผ่นดินนับแรมปี ก็จะมีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอัน สะโอดสะอง ยังกะมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ด ที่กำลังจะประกวด กันเลยทีเดียวยิ่ิง ถ้าฝนตกชุกหน่อย พื้นดินเปียกชุ่มเจ้าดอกกระเจียวที่แสนสวยของเราก็จะขึ้น เยอะเต็มท้องทุ่งเลย มองไปทางไหนก็จะมีแต่สีเขียวชะอุ่ม และสีชมพูแกมขาว สวยอย่าบอกใครเลย ถึงแม้ว่าปีกลาย ดอกกระเจียว จะ มาช้าไปซักนิดนึง แต่เจ้าดอก กระเจียวก็เริ่มทะยอยชูช่อ ยันดอกออกมาให้เราๆ ท่านๆ ได้ยลโฉมกันแล้ว และสำหรับ ท่านใด ที่ยังไม่เคยมาเยี่ยมเยือนทุ่งดอก กระเจียวธรรมชาติแ้ห่งเดียว ในโลกปีนี้ก็อย่าพลาดนะครับ ตัดสินใจช้า ท่านอาจจะพลาด โอกาสดี ๆ ที่หนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียว เท่านั้น ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งทั้งสองที่ ก็มี ความ แตกต่างกันไปใครชอบความสะดวก